วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

สุขภาพเสื่อม จากคอมพิวเตอร์ ผักผลไม้ช่วยคุณได้







  เคยนับดูเล่นๆ ไหมคะว่า วันหนึ่งๆ เราต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์วันละกี่ชั่วโมง เมื่อไม่นานมานี้ พนักงานหญิงของออฟฟิศแห่งหนึ่งในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน นิยมสวมหน้ากากกันทั่วออฟฟิศ เพราะต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 4-5 ชั่วโมง สำหรับคนทำงานอย่างเราๆ ฟังแล้วก็ได้เวลาสังเกตตัวเองแล้วว่า มีปัญหาสุขภาพบ้างหรือเปล่า ลองมาเช็คอาการ พร้อมกับดูอาหารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายกันเลยค่ะ 
The image “http://www.kapook.com/images3/Variety.gif” cannot be displayed, because it contains errors. ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนล้า กล้ามเนื้อเกร็ง ตึง

        ควรรับประทานบร็อกโคลี่ ปลากินทั้งกระดูก เพราะมีแคลเซียมที่จำเป็นต่อการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท และต่อการเกร็งคลายกล้ามเนื้อ และควรรับประทาน ผักโขม ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดทานตะวัน จมูกข้าวสาลี ที่มีแมกนีเซียม ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย

The image “http://www.kapook.com/images3/Variety.gif” cannot be displayed, because it contains errors. ตาอ่อนล้า ตาพร่ามัว

        ควรรับประทาน คะน้า พริก ผักปวยเล้ง มันเทศ ผักหวานบ้าน ตำลึง เพราะมีลูเทอินและซีแซนทิน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมของศูนย์จอตา ลดความเสี่ยงของการเกิดจอประสาทตาเสื่อมตาได้ นอกจากนี้ควรรับประทาน แครอท ผักปวยเล้ง ฟักทอง เพราะมี เบตาแคโรทีน มีส่วนช่วยป้องกันการเสื่อมของศูนย์จอตา

The image “http://www.kapook.com/images3/Variety.gif” cannot be displayed, because it contains errors. มีปัญหาผิวหน้า

        หากมีปัญหาผิวหน้า เช่น มีริ้วรอยเหี่ยวย่น และสงสัยเหมือนสาวๆ ที่ประเทศจีนว่า อาจเกิดจากรังสีจากคอมพิวเตอร์ ควรรับประทาน ผักผลไม้สีสดทุกชนิด เพื่อเพิ่มสารต้านออกซิเดชั่น นอกจากนี้ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และรับประทานอาหารเย็นที่ย่อยง่าย และรสไม่จัด เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่หนัก ทำให้เริ่มวันใหม่อย่างสบายตัว

        เมื่อกินถูกแล้ว ก็อย่าลืมออกกำลังกายช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงด้วยนะคะ 

วิถีถนอมดวงตาเมื่อใช้ คอมพิวเตอร์นานๆ





เสื้อผ้าแฟชั่น sex ดูดวงความรัก ทำนายฝัน 
 เมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาจเกิดอาการตาแห้ง สายตาล้า ดังนั้นเพื่อตาคู่สวยจะได้ทำหน้าที่ให้ดีไปนานๆ มาดูเทคนิคการถนอมดวงตา

           1. เริ่มจาก 'จอภาพ' ควรห่างจากสายตาประมาณ 1 ช่วงแขน และตั้งกับโต๊ะที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป หากระยะห่างระหว่างจอกับตาไม่สัมพันธ์กัน จะทำให้รู้สึกเมื่อยล้าและปวดตาได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณไหล่และหลังเกร็ง เนื่องจากท่านั่งไม่สมดุล และต้องก้ม-เงย เป็นเวลานาน

           2.ปรับแสงหน้าจอคอมฯ ให้รู้สึกสบายตา โดยดูจากสภาพแวดล้อมในห้องด้วยว่า เมื่อส่องมากระทบจะมีแสงจ้าเกินไปหรือไม่ เพราะแสงที่สว่างมากจะส่งผลเสียต่อตาได้ง่าย อาจทำให้รู้สึกแห้งและแสบตา นอกจากนี้อาจติดแผ่นกรองรังสีเพื่อลดการกระจายแสง

           3.คลายความล้า โดยหยุดพักทุก 30 นาที มองไปไกล ๆ หรือหลับตาประมาณ 5 นาที จากนั้นอาจเปลี่ยนอิริยาบถยืดเส้นยืดสาย เพื่อลดปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนื่องจากการใช้คอมฯ เป็นเวลานาน

           4.หลังทำงานเสร็จ หลับตา แล้วใช้น้ำเย็นชะโลมดวงตา หรือหาผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มาประคบประมาณ 5 นาที จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา และทำให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาได้ดี

          ลองไปปรับใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องโปรดกันดู เพื่อถนอมดวงตาคู่สวยให้ใสปิ๊ง และทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพให้นานที่สุด

รู้เท่าทัน ผลิตภัณฑ์ลบริ้วรอย





           ประเภทของริ้วรอย 

           Old Wrinkles ริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากกาลเวลา ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้  ริ้วรอยประเภทนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเราอายุ 60 ปี

           Sun-dried Wrinkles เกิดจากผิวถูกแสงแดดทำร้ายไปถึงชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้คอลลาเจน และอีลาสตินไฟเบอร์เสื่อมสภาพลง  ริ้วรอยประเภทนี้จะเริ่มปรากฏตัวตั้งแต่ย่างเข้าวัย 20 ปี หากปล่อยไว้เมื่อเข้าวัย 30 ปีผิวจะเป็นกระ หรือจุดด่างดำสุดท้ายเมื่อเข้า 40 ปี ริ้วรอยจะลงลึกบนใบหน้า

           Sleep Lines เกิดจากการนอนผิดท่าเป็นเวลานานๆ  โดยเฉพาะการนอนตะแคงข้างหรือนอนคว่ำหน้า

           Expression Lines เกิดจากผิวหน้าที่เคลื่อนไหวอยู่บ่อยๆ เช่น ขมวดคิ้ว หัวเราะ อ้าปาก ยิ้ม เป็นต้น จะพบเห็นริ้วรอยชนิดนี้ตั้งแต่อายุ 20 ปี และเริ่มมีรอยลึกขึ้นเมื่อช่วงอายุ 30-40 ปี

           Gravity-Prone Grooves ริ้วรอยนี้สาเหตุจากแรงโน้มถ่วงเป็นสำคัญ ริ้วรอยชนิดนี้จะเกิดขึ้นตอนอายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป บริเวณที่พบเห็นคือ หนังตาและมุมปาก พอย่างเข้า 40ปี จะพบริ้วรอยนี้บริเวณร่องแก้ม และเมื่อเข้าวัย 50 ปี อาการหย่อนคล้อยรุกรานไปถึงบริเวณคาง และขากรรไกร      

           รู้ไว้ใช่ว่ากับผลิตภัณฑ์ Anti-aging 

          ก่อนเลือกซื้อครีมบำรุงผิว ควรศึกษาให้แน่ใจเสียก่อนว่า ส่วนผสมของครีมแต่ละกระปุกที่เราจะซื้อนั้นดี จริงดั่งคำโฆษณาที่ว่าไว้หรือเปล่า

           Cell Renewal Cream ครีมนี้จะมีส่วนประกอบของ เอเอชเอ  บีเอชเอ และเรตินอล ช่วยเร่งกระบวนการผลัดผิวตามธรรมชาติให้ทำงานได้ดีและเร็วขึ้น แต่ครีมที่มีสรรพคุณนี้ความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้ความว่ามันจะช่วยลบริ้วรอย โดยเฉพาะริ้วรอยลึกๆ ได้

           Face Lift Cream  ครีมประเภทยกกระชับผิว อาศัยหลักแรงตึงตัวของผิว พอทาครีมตัวนี้จะมีสารบางตัวที่เป็นโพลีเมอร์ชนิดหนึ่ง ที่ช่วยยกกระชับผิวทำให้เกิดแรงตึงตัว เหมือนเวลานำไข่ขาวทาหน้า  แต่ครีมประเภทนี้จะให้ความรู้สึกตึงหน้าอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ต้องทาใหม่เรื่อยๆ  ครีมประเภทนี้แม้จะช่วยยกกระชับหน้าให้ตึงก็จริง แต่ไม่ได้ช่วยบำรุงผิวเลย ดังนั้นจึงต้องมีการผสมครีมตัวอื่นที่ใช้ในการบำรุงผิวเข้าไปด้วย

           ส่วนผสมยอดฮิตในAnti Aging 

           โคเอมไซม์ คิวเทน - เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวทนต่อรังสียูวีเอได้ดีขึ้น และยับยั้งการสร้างเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนในชั้นหนังแท้  ครีมที่มีส่วนผสมของ Q10 สามารถลดริ้วรอยได้ถึง 23% โดยประมาณหากเปรียบกับครีมที่ไม่มี Q10 สำหรับปริมาณการใช้Q10 อย่างเห็นผลได้ดีคือความเข้มข้นที่ 1 % เป็นต้นไป

           วิตามินซี - ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ, เป็นสารที่มีแอนตีออกซิแดนท์สูง จึงช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด  วิตามินซีช่วยลดรอยดำ ทั้งยังช่วยลดริ้วรอยบางๆ ได้ แต่ทั่วไปครีมลดริ้วรอยมักจะมีวิตามินซีบรรจุอยู่น้อยมากๆ ไม่ถึง 0.5 % ทำให้ครีมทั่วไปที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ไม่สามารถใช้ลดริ้วรอยได้ดีมากนัก

           วิตามินอี - มีสารโทรโคฟีรอล ช่วยฟื้นฟูผิวรวมถึงช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้น

           วิตามินเอหรือเรตินอล - วิตามินเอกระตุ้นให้เกิดการหลุดลอกของเซลล์ผิวชั้นบน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้จากภายใน ผิวภายนอกจึงดูเรียบเนียน และริ้วรอยลดลง

           เอเอชเอ(AHA) - กระตุ้นให้เกิดการหลุดลอกของเซลล์ผิวชั้นบนเท่านั้น เนื่องจากครีมที่วางขายเป็นAHA ที่มีความเข้มข้นต่ำ(<15%) AHA กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ต้องมีความเข้มข้นสูง จึงใช้สำหรับทำทรีตเม้นต์AHA ที่ต้องดูแลโดยแพทย์ ซึ่งจะต้องทาแล้วล้างออกเท่านั้นเพราะอาจทำให้ผิวไหม้ได้

           สารสกัดจากเมล็ดองุ่น - จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านการทำลายเซลล์คอลลาเจน และอิลาสตินในผิวหนังที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ช่วยรักษาความสวยใส และป้องกันการเกิดริ้วรอย และรอยหมองคล้ำได้

           สารสกัดจากสาหร่ายทะเล - เป็นแหล่งรวมแร่ธาตุมากมาย อย่างโปรตีน วิตามินเอ, บี, ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส ฯลฯ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ทั้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้

           ชาเขียว - มีสารโพลีฟีนอล ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมีฤทธิ์มากกว่าวิตามินอี 20 เท่า เมื่อนำมาผสมในผลิตภัณฑ์ป้องกัน และลดริ้วรอย ทำให้ฟื้นฟูสภาพผิวให้เปล่งปลั่ง สดใส ทั้งยังช่วยป้องกันรังสียูวีได้

           สารสกัดจากเปลือกส้ม - มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้

           สารสกัดจากยีสต์ - ช่วยให้เกิดการซ่อมแซมเซลล์ผิว ให้ดูเปล่งปลั่งพร้อมยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้

           สารสกัดจากถั่วเหลือง - ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรงด้วยสารเจนิสติน  ที่มีคุณสมบัติฟื้นฟูสภาพผิวให้สดใส อ่อนเยาว์ และช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ด้วย


           เคล็ดลับชะลอริ้วรอย......ทางเลือกใกล้ตัว 

          หลีกเลี่ยงแสงแดดตั้งแต่ 10.00 - 16.00 น. หากต้องผจญแสงแดดควรพกพาร่ม หรือสวมหมวกอยู่เสมอ อย่าลืมสวมใส่แว่นกันแดดเพื่อปกป้องผิวรอบดวงตาด้วย การใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดโดยเฉพาะเสื้อผ้าฝ้ายจะช่วยปกป้องผิวได้ดี เพราะจะช่วยสะท้อนรังสียูวีเอ และยูวีบีบางส่วน 

           ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน  จะช่วยป้องกันรังสียูวีเอ(ป้องกันการเหี่ยวย่น) และยูวีบี (ป้องกันมะเร็งผิวหนัง) ได้

           เลิกสูบบุหรี่

           ดื่มน้ำให้มากๆ หนึ่งในอาหารผิวที่ดีที่สุดคือน้ำบริสุทธิ์นี่เอง ฉะนั้นควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว

           ให้อาหารผิวกันบ้าง อาทิ ลดปริมาณไขมันที่ร่างกายได้รับในแต่ละวันให้เหลือน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการ, อาหารที่ประกอบด้วยวิตามินเอ ซี อี  ช่วยฟื้นฟูผิวและต่อต้านริ้วรอยได้ เช่น แครอท  ฟักทอง  มันฝรั่ง  บร๊อคเคอรี่ ผักโขม แคนตาลูป และลูกพีช, กินอาหารไขมันต่ำที่มีแคลเซียมสูง (แคลเซียมดีต่อกระดูกและส่งผลต่อคอลลาเจน) อย่างบร๊อคเคอลี่  กะหล่ำปลี  ปลาแซลมอน และปลาซาร์ดีน, เพิ่มไฟเบอร์ให้ร่างกายวันละ 25-30 กรัมด้วยอาหารไฟเบอร์สูง เช่น ข้าวโอ๊ต  ข้าวบาร์ล่ย์  ถั่ว ลูกพลัม และลูกพีช

           อย่าออกกำลังกับหน้ามากเกินไป การเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อผิวหน้าทำให้เกิดรอยย่นได้  ยิ่งทำบ่อยๆ ก็เท่ากับย้ำรอยเดิมให้ลึก และชัดเจนยิ่งขึ้น แม้กระทั่งการนวดหน้าที่ว่าดีต่อผิวถ้าเป็นไปได้ อย่าแตะต้องมันบ่อย เพราะทุกครั้งที่มือเราสัมผัส นั่นแหละทำให้เกิดเป็นริ้วรอยเล็กๆ เกิดขึ้นมาได้

           นอนให้ถูกท่า  ท่านอนที่ถูกต้องที่สุดคือการนอนหงาย  เพราะไม่ทำให้เกิดริ้วรอยจากการนอนและกดทับของผิวหน้า

           อย่าเครียด

          ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ครีมตัวไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเลือกใช้ให้เหมาะกับตัวเรา อีกทั้งอย่าลืมเรื่องการรับประทานอาหาร และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง รับรองคะว่าผิวสวยๆ จะอยู่คู่คุณไปอีกนาน

ทุกคำถามปัญหาของคลอลาเจน





เสื้อผ้าแฟชั่น sex ดูดวงความรัก ทำนายฝัน 
    Q : คอลลาเจนคืออะไร?
          A : คอลลาเจน หรือ Collagen ที่มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก (มีความหมายว่า กาว คนในยุคนั้นนำเอาผิวหนังสัตว์ไปเคี่ยวเพื่อให้ได้กาวเหนียว ๆ มาใช้งาน) จริง ๆ แล้วคอลลาเจนคือ โปรตีนธรรมชาติในร่างกาย ในคอลลาเจนมีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ Proteoglycan และ Glycosaminoglycans  ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นโครงสร้างหลักของผิว เส้นผม เล็บ กระดูก ข้อต่อ ตลอดจนผนังหลอดเลือด บางคนเรียกมันว่า กาวแห่งชีวิต เพราะคอลลาเจนทำหน้าที่เชื่อมเซลล์ในร่างกายเข้าด้วยกัน ปกป้องอวัยวะภายในร่างกายและเชื่อมอวัยวะต่าง ๆ ให้อยู่ด้วยกัน ในผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) จะประกอบด้วยคอลลาเจนจนถึง 75%

          Q : คอลลาเจนเกี่ยวอะไรกับผิวสวย?

          A : ภายในผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) ที่ประกอบด้วยคอลลาเจนถึง 75% ความอุดมสมบูรณ์ของคอลลาเจนจึงมีส่วนสำคัญในการทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น นุ่มนวล มีความยืดหยุ่นดีทำให้ผิวเต่งตึงกระชับ ซึ่งเป็นคุณลักษณะของผิวเยาว์วัย ที่ไม่เหี่ยวย่น ไม่มีริ้วรอยและตีนกาเป็นผิวที่เราทุกคนเป็นเจ้าของในช่วงวัยเด็กและวัยสาวก่อนอายุจะย่าง 30 ทั้งนี้เพราะภายในชั้นผิวของเรามีความอุดมสมบูรณ์ของคอลลาเจนสูง

          Q : จริงหรือที่ว่าเมื่อ อายุย่าง 30 คอลลาเจน จะลดลงปีละ 15%?

          A : ในช่วงวัยเด็ก  และวัยสาวรุ่น ร่างกายจะสังเคราะห์คอลลาเจนอย่างเต็มที่สมบูรณ์ จนเมื่ออายุย่างเข้า 30 อัตราการสังเคราะห์คอลลาเจนจะเริ่มลดลงปีละ 1.5% ในทุก ๆ ปี เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังโชคร้ายที่จะเกิดขึ้นชัดเจนในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เขาถึงบอกว่า ผู้หญิงแก่ง่ายกว่าผู้ชาย อัตราการลดลงอย่างต่อเนื่องของคอลลาเจนในผิวชั้นหนังแท้จะมีผลให้ผิวพรรณค่อย ๆ สูญเสียความชุ่มชื่น นุ่มเนียน และความยืดหยุ่น ผิวที่เคยสวย เต่งตึง นุ่มนวล ค่อย ๆ แห้งกร้าน ผิวจะยุบตัวลงทุกปีทุกปี ทำให้เกิดริ้วรอยเหยี่ยวย่นและตีนกา และกว่าคุณจะอายุ 45 ปี ระดับคอลลาเจนในชั้นผิวได้ลดลงไปแล้วกว่า 30%

          Q : มีวิธีหยุดการลดลงของคอลลาเจนไหม?

          A : อัตราการสังเคราะห์คอลลาเจนที่ลดลงปีละ 1.5% ทุกปี ตั้งแต่เราอายุย่างเข้า 30 นั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคน โดยที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่เราสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของ ผิวพรรณ และรักษาผิวไว้ให้ดูดีให้นานที่สุดได้ โดยการวิจัยด้านโภชนาการได้ค้นพบว่า  การรับประทานคอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก เป็นอาหารเสริมประจำอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยเสริมเติมคอลลาเจนที่พร่องลงตามวัยที่เพิ่มขึ้นคืนกลับให้กับร่างกาย สามารถช่วยป้องกัน และชะลอริ้วรอยเหยี่ยวย่น รอยตีนกา ความแห้ง กระด้าง ช่วยรักษาผิวพรรณให้มีความชุ่มชื้น นุ่มนวลเรียบเนียน คงความยืดหยุ่นของผิวไว้ ถ้าให้ดียิ่งขึ้นควรรับประทานวิตามินอีด้วย เพื่อช่วยเพิ่ม (Dermis) ซึ่งการทาที่ผิวหน้า  และผิวตัวจะซึมเข้าสู่ผิวได้แค่เพียงชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น

          Q : ถ้าทาคอลลาเจนที่ผิวจะได้ผลไหม?

          A : ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างใหญ่มาก ไม่สามารถซึมผ่านเข้าไปในผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ได้ ดังนั้นการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนทาที่ผิว คอลลาเจนจะซึมผ่านเข้าไปได้แค่ผิวชั้นหนังกำพร้าที่อยู่ชั้นนอกสุด อาจทำให้ผิวหนังกำพร้าชุ่มชื้นขึ้น แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากการลดลงของคอลลาเจนในผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ได้ วิธีเพิ่มคอลลาเจนคืนกลับให้ผิวที่ได้ผลคือ การฉีดเข้าใต้ผิวหนังและการรับประทานเท่านั้น แต่การรับประทานจะเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกกว่า และนำคอลลาเจนเข้าไปเสริมสร้างผิวพรรณทั้งใบหน้าและทั่วทั้งร่าง อีกทั้งเข้าไปเสริมสร้างเส้นผมให้เงางาม เล็บมือ เล็บเท้าไม่เปราะ หักง่าย เพราะคอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่เป็นโครงสร้างของผมและเล็บที่งอกใหม่ออกมาทุกวัน ในขณะที่การฉีดจะเสริมคอลลาเจนได้เฉพาะที่เท่านั้น

ทาครีมอย่างไรให้หน้าเด้ง



เสื้อผ้าแฟชั่น sex ดูดวงความรัก ทำนายฝัน 
รู้ไหมว่า บางครั้งการที่คุณสาว ๆ ลงทุนซื้อครีมบํารุงราคาแพงมาใช้เพื่ออยากให้ผิวได้รับการบํารุงจากผลิตภัณฑ์เกรดเอ แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด นั่นอาจจะไม่ได้เป็นเพราะคุณภาพของผลิตภัณฑ์ แต่อาจจะเป็นเพราะคุณไม่รู้วิธีการทาครีมที่ถูกต้องต่างหาก

         
เริ่มแรกควรต้องเตรียมผิวหน้าให้สะอาดเสียก่อน แล้วเลือกปริมาณครีมที่ต้องใช้ให้พอเหมาะ เพราะถ้าน้อยเกินไปก็จะไม่ได้ผล หรือถ้ามากเกินไปก็จะทําให้ผิวหน้ามัน และที่สําคัญคือเปลืองครีมโดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ประมาณ 1 ลูกเชอร์รี่เท่านั้น

         จากนั้นแต้มครีมให้ทั่วทั้ง 5 จุด บนใบหน้า คือ เริ่มจากหน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้างและคาง แล้วใช้นิ้วกลางและนิ้วนางในการเกลี่ยครีมให้ทั่วใบหน้า โดยเริ่มจากบริเวณที่กว้างที่สุดก่อน เช่น โหนกแก้มส่วนกลางไปยังส่วนข้าง ๆ โดยทางด้านซ้ายออกซ้าย และทางด้านขวาออกขวา แล้วตามด้วยแนวสันจมูก ใต้โพรงจมูก คาง และหน้าผาก โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาไว้

         อย่าลืมทาครีมบริเวณลําคอเด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะดูแปลก ๆ หากหน้าเต่งตึงแต่คอยาน ซึ่งการทาครีมที่คอนั้น ให้ใช้ปริมาณเนื้อครีมเท่ากับที่ใบหน้า โดยเริ่มจากบริเวณที่กว้างที่สุดของคอก่อน คือบริเวณฐานลําคอแล้วใช้ปลายนิ้วทั้งหมดค่อย ๆ ลูบไล้ขึ้น ไม่ควรทาลง เพราะจะทําให้ผิวบริเวณลําคอหย่อนทําให้เกิดรอยย่นภายหลังได้

         สําหรับการทาครีมรอบดวงตา ควรใช้ปริมาณเนื้อครีมประมาณ 1 เมล็ดถั่วเขียว แล้วใช้นิ้วนางเพียงนิ้วเดียวในการทา ขอย้ำว่าต้องนิ้วนางเท่านั้นในบริเวณนี้ เพราะจะให้น้ำหนักกดที่เบาที่สุด โดยไล่ตามแนวโครงกระดูกเบ้าตา จะเริ่มที่หัวตาหรือหางตาก่อนก็ได้

         จากนั้นวนครีมรอบ ๆ ดวงตา จะวนเข้าหรือวนออกได้ตามถนัด แต่ต้องวนไปในทิศทางเดียวกันทั้งสองข้าง 

เทคนิคการนวดหน้าให้ตัวเอง บอกลาผิวยาน


เสื้อผ้าแฟชั่น sex ดูดวงความรัก ทำนายฝัน 
ผิวพรรณจะผกผันไปตามอายุ ยิ่งตัวเลขของอายุเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ผิวพรรณก็เริ่มหย่อนยานมากขึ้น โดยเฉพาะกับใบหน้าปราการด่านแรกที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด

          สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหย่อนยาน มีอยู่ด้วยกัน 3 ประการ คือ สูญเสียความยืดหยุ่นของผิว เกิดการเพิ่มตัวของชั้นไขมัน และสูญเสียความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือ การหาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ให้การปกป้องและฟื้นฟูผิวให้กลับมามีความยืดหยุ่นและตึงกระชับ พร้อมคงสภาพที่ดีได้ต่อไปโดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม พร้อมกันนี้ก็ใช้เทคนิคในการนวดหน้า ประกอบกันไปด้วยเพื่อความเปล่งปลั่ง กระชับตึงยิ่งขึ้น

          การนวดหน้า อย่างถูกวิธีจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และทำให้ผ่อนคลายจากความเครียดได้ดีด้วย

          1. เมื่อหาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางถูกใจได้แล้ว ก็นำมาทาให้ทั่วใบหน้า โดยแต้มบริเวณแก้มทั้งสองข้าง กึ่งกลางของหน้าผาก คาง และจมูก จากนั้นเริ่มเกลี่ยเครื่องสำอางให้ทั่วโดยใช้ฝ่ามือไล้ โดยเริ่มไล้จากบริเวณกึ่งกลางหน้าผากออกไปยังบริเวณขมับ จากบริเวณแก้มไปยังบริเวณโหนกแก้ม แล้วไล้กลับลงไปที่คาง จากนั้นถูมือเบา ๆ ขึ้นไปหาโหนกแก้ม และคลึงเบา ๆ วนกลับลงมาหาคางอีกครั้ง

          2. ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือขวาดันไว้ใต้คาง นวดจากโคนหูข้างซ้าย ไล้ลงมาตามแนวกรอบคางขึ้นไปสู่โคนหูข้างขวา บิดมือเพื่อนวดเป็นแนวแบบเดียวกันกลับมายังอีกข้างหนึ่ง ทำซ้ำสามครั้งในแต่ละข้าง

          3. ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง นวดเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้าในลักษณะยกผิวขึ้น
            นวดจากคางขึ้นไปหาฐานใบหู
            นวดจากมุมปากทั้งสองข้างขึ้นไปหาด้านหน้าใบหู
            เริ่มจากจมูก ขยับปลายนิ้วนวดขึ้นไปเหนือแนวโหนกแก้ม และขึ้นไปหาขมับ
            นวดจากหัวตาออกไปตามแนวใต้ตาสู่บริเวณหางตา แล้วคลึงเบาๆ ขึ้นไปหาขมับ
           นวดจากบริเวณระหว่างหัวคิ้วขึ้นไปให้ทั่วบริเวณหน้าผากออกไปสู่แนวขมับ

          อย่าลืมว่าในแต่ละขั้นตอนต้องจบลงด้วยการกดเบา ๆ ทิ้งไว้ตรงบริเวณสุดแนวนวดเป็นเวลาสามวินาที...
นวดหน้า